Love Top Book

Chapter1

 

Chapter 1 / Mind's Part

[อคติ]

"ฮะโหล! ปอร์ เราโทรหาตั้งหลายสายทำไมปอร์ไม่รับอะ นี่ถ้าไม่เอาเบอร์อื่นโทรไปก็คงไม่ได้คุยกันใช่ไหม"

"ไม่รับก็แปลว่าไม่อยากคุยไงมายด์ เข้าใจอะไรยากจัง"

"อ้าว! เราป่วยตั้งนานปอร์ก็ไม่เคยมาเยี่ยม แค่โทรหายังไม่อยากคุยอีกหรอ"

"ก็เราไม่ว่างอะจะไปเยี่ยมได้ไง แล้วขอโทษทีนะ ล้มหน้าฟาดถนนขนาดนั้นแล้ว มายด์คงไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ"

"หมายความว่าไง เราก็ยังเป็นมายด์คนเดิม"

"ไม่เอาน่า... มายด์ก็รู้ว่าเราชอบผู้หญิงน่ารักๆ นี่ มายด์คงไม่คิดว่าเราจะกลับไปคบกันต่อหรอกนะ"

"เอ่อ! เข้าใจแล้ว"

ทันทีที่ปลายสายกดรับ ฉันก็ใส่เต็มให้สาสมกับที่โทรหามันทั้งคืนแต่ไม่รับสาย ปอร์คือแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ความรักเบ่งบานกำลังหอมหวานประสาวัยรุ่น ไอ้ที่วันนั้นขับมอร์เตอร์ไซค์ย้อนศรโดนชนจนหน้าแหกก็เพราะนัดกับมันนี่แหล่ะ ช่วงที่นอนเป็นผักร่างกายฉันแค่ป่วยแต่สมองยังทำงานสมบูรณ์ทุกอย่าง ปอร์ไม่เคยมาเยี่ยมเลย ไม่ซิ! ไม่มีเพื่อนสักคนมาเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ จนถูกส่งตัวมารักษาในกรุงเทพ

ร่างกายแหลกสลายจากที่กระดิกตัวไม่ได้เริ่มดีขึ้น เสียงพ่อแม่พูดว่านี่คือปาฏิหารย์ ฉันฟังแล้วก็อยากจะเถียงถ้าไม่ติดว่าเห็นด้วยตาดัวเอง จำได้เลยวันแรกที่เปิดผ้าพันแผลที่หน้าออก ฉันเห็นตัวเองในกระจกเป็นใครอีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จากเด็กผู้หญิงหน้าบ้านๆ ตอนนี้ใบหน้าฉันสวยงามราวกับผ่านรายการเลทมีอินมายังงั้นแหล่ะ

ความแปลกอีกอย่างที่ฉันสัมผัสได้ก็คือ ผู้ชายคนนั้นที่เป็นหัวหน้าของพ่อสองเขาชอบแอบมาเฝ้าฉันตอนดึก วันแรกที่เจอฉันสะลืมสะลือมองหน้าไม่ชัดแต่ความรู้สึกมันบอกว่าเป็นเขาแต่คืนต่อๆ มาฉันมั่นใจ เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าการแกล้งหลับคืออะไรที่ทรมานมาก คิดดูซิว่าฉันต้องทำอย่างนั้นทุกคืนเวลาที่เขามาหา

จากแค่รู้สึกก็เปลี่ยนเป็นไม่ชอบหน้า ฉันมองว่าสิ่งที่เขาทำดูเกินหน้าที่ไปหน่อย ก็แค่ลูกสาวลูกน้องไม่มีความจำเป็นเลยที่เขาต้องมาสนใจ ฉันจึงคิดเองเออเองเอาว่าตาลุงนี่มันเฒ่าหัวงู คงหวังตีสนิทเพื่อจีบ

ใช่ค่ะ!! ก็ฉันสวย จะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ผ่านเข้ามาก็เพราะเรื่องอย่างว่านั่นแหล่ะ แต่โทษทีค่ะฉันไม่ได้ง่ายนะ ไอ้ที่พ่อสองแม่หญิงจะมาใช้บุญคุณที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันบีบให้ฉันดีกับเขามันก็ไม่ใช่ป่ะ! เข้าใจนะว่าอาศัยบ้านเขาอยู่ก็ต้องขยันขันแข็ง แต่มันควรมีขอบเขตบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือนพร้อมใจกันเอาฉันใส่พานถวายเขาแบบนี้ บุญคุณไม่จำเป็นต้องทดแทนด้วยร่างกายป่ะ

"เฮีย อยากได้อะไรบอกหนูมาได้เลย" ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!! มันหงุดหงิดจริงๆ นะ คิดว่าเราเป็นเด็กรู้ไม่ทันผู้ใหญ่หรอ ฉันรีบออกตัวถามเพราะอยากใช้หนีบุญคุณกันให้จบๆ ไป

"หืมม.. เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม ก่อนจะมาทำให้ผม" เสียงกลั้วขำในลำคอฮัมเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าจากรถเก่าๆ มามองหน้าฉัน ริมฝีปากขยับพูดเสียงสุภาพแผ่วเบา เขาไม่ได้พูดแบบผู้ใหญ่ดุเด็ก แต่ไอ้น้ำเสียงสีหน้าคนดีนี่แหล่ะทำฉันหน้าชา

"หนูโตแล้วค่ะ ให้หนูช่วยทำงานอะไรก็ได้ จะได้ทดแทนบุญคุณเฮีย" ฉันรีบเอาบุญคุณมาอ้าง ออกตัวเสร็จสรรพว่าหมายถึงช่วยเรื่องงานไม่ใช่เรื่องอื่น แทนที่ตาลุงนี่จะสำนึกบ้างกลับรับข้อเสนอซะงั้น

"ทำได้ทุกอย่างเลยหรอ"

"ค่ะ จะใช้ทำอะไรก็ว่ามาเลย"

โอ๊ย! อะไรวะกู ตอนแรกห้าวจะรับใช้ใต้ฝ่าบาท พออิตาลุงอยากใช้งานจริงฉันกลับฉุน กระแทกเสียงคำว่า "ใช้" จนตาลุงหลุดขำ เฮ้ย! ทำอะไรลงไปวะ ทำไมต้องใช้เสียงสี่เสียงแปดเหมือนผัวเมียทะเลาะกันด้วย

"งานบ้านทำเป็นไหม"

"เป็นค่ะ อยู่กับยายอะไรๆ ก็ต้องทำเป็นทั้งนั้นแหล่ะ"

"ดี!"

"งั้นก็กวาดร้าน ถูกร้าน ล้างห้องน้ำแล้วกัน"

"ห้ะ!"

ฉันลากเสียงสูง เดี๋ยวนะ! จะใช้ทำอะไรดูความเป็นจริงด้วย ไอ้ฉันก็ตัวแค่นี้จะให้กวาดก็พอไหวแต่จะให้ถูร้านใหญ่โตมโหฬารที่มีแต่คราบน้ำมันเหม็นๆ กับอะไหล่เก่าฝุ่นเครอะเนี่ยนะ ถูเดือนหนึ่งจะเสร็จหรือเปล่า แล้วไอ้ห้องน้ำโคตรเหม็นอลังการนั่นอีก กลั้นใจตายก่อนล้างเสร็จแน่

"ทำไม ทำไม่เป็นหรอ" ดู๊...ดูลุงถาม หน้าฉันหงิกงอขนาดนี้ดูยินดีปรีดามากเลยมั้ง

"ได้ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ หนูได้ไปทำเลย" ตอบกลับหน้าจ๋อย จริงๆ ก็คือมารยานั่นแหล่ะ อยากให้ตาลุงสำเนียกสักหน่อยว่าสั่งงานคนป่วยเกินไปไหม ไอ้สภาพฉันตอนนี้ก็สาวน้อยสวยสะพรั่งจะให้มาถูกบ้านขัดส้วมเนี่ยนะ มันใช่หรอ!

"ก็ไปซิ ทำเสร็จแล้วได้ไปทำอย่างอื่นต่อ"

'ผ่างงงงงงงงง.......งง' มองตาปริบๆ กับคำพูดเมื่อกี้ อัยย๊ะ! อยากกลับคำมันตอนนี้เลย สูดหายใจลึกๆ เพื่อไม่ให้หลุดเหวี่ยงออกไป ฉันจ้องตาแข็งกัดฟันกรอดๆ งับหมาในปากไว้ไม่ให้ออกมาเผ่นผ่านตอนนี้

ฉันสะบัดหน้าเดินฉับๆ ถามว่ารู้ไหมอะไรอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้หรอก ขอได้ไปพ้นๆ หน้าตาลุงก่อน เชอะ! รู้สึกเหมือนคนสวยถูกรังแก หงายการ์ดป่วยได้ไหม ฉันยังเหลือโควต้าน่าสงสารอยู่หรือเปล่า

"ไงมายด์ ทำเป็นปากเก่งกับเฮีย" แม่เดินตามหลังมาตอนไหนไม่รู้ วางมือแมะลงไหล่แล้วบีบเบาๆ พูดเสียงหัวเราะเยาะฉัน

"แม่ก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ แม่ต้องบอกหนูว่าไม่ต้องทำหรอกลูก เพิ่งหายปวยไปพักเถอะซิ ทำไมดูสนุกกับตาลุงนั่นล่ะ" เถียงแม่หน้าซื่อตาใส คิดเอาว่ากล่อมพ่อไม่ได้ก็ต้องแม่แหล่ะวะ ยังไงซะต้องมีใครเป็นพวกฉัน พ่อแม่ก็ต้องรักลูกจะเห็นดีเห็นงามกับคนอื่นได้ยังไง

"ก็หนูอยากทำเองไม่ใช่หรอลูก"

"ก็หนูรำคาญพ่ออะ ชอบพูดอะไรก็ไม่รู้"

"อย่าใส่ใจเลย เรื่องรำคาญพ่อเราก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องเฮียเขาก็มีบุญคุณกับครอบครัวเราจริงๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อะไรช่วยหยิบจับได้ก็ทำเถอะลูก เฮียเป็นคนดี ไม่ได้เขาเราก็ไม่มีวันนี้นะลูก"

"แม่! แต่หนูว่าไม่ใช่นะ"

พอเห็นแม่สาธยายเหยียดยาวใจฉันก็เต้มโครมคราม ปากกรุตุกดิ๊กๆ อยากเถียงทันที คืองงนะทำไมทุกคนมองอิตาลุงเป็นคนดี ทั้งที่ความจริงตานี่มันโรคจิต ชอบแอบมองเด็กสาวๆ ตอนหลับ แถมชอบอวดรวยทำเป็นจ่ายค่าโน้นค่านี่ให้ทั้งที่หมอก็บอกว่าอาการไม่เป็นอะไร แต่เสนอเองอยากให้ฉันได้รับการรักษาที่ดีที่สุด แล้วยังไงวันหนึ่งก็จะเคลมหรอ โน โน โนค่ะ! ฉันไม่ใช่คนโง่

"งั้นหนูไม่ทำล่ะ ง่วง! ไปนอนดีกว่า" เราต้องมีทางของตัวเองค่ะ ถ้าพ่อแม่บอกดีเราต้องฉีก อย่าไปเออออห่อหมกด้วยเดี๋ยวก็ผ่านไปเอง

"อ้าว! ไอ้ลูกคนนี้ยังไง" แม่ทำเสียงเอ็นดู ฉันรีบไปกอดแขน เอาหัวถูไถช่วงไหล่แล้วพูดเสียงอ่อนประจบ

"ก็กลิ่นน้ำมันชวนปวดหัวนี่แม่ ขอหลับแป๊บน่า.. เดี๋ยวค่อยทำก็ได้" ฉันรีบประจบ

"จ๊ะๆ งั้นหนูไปนอนนะ เดี๋ยวแม่ช่วยกวาดให้ก่อน" หึ! มนุษย์แม่ยังไงก็แพ้มารยาลูก ไม่ชนะใครไม่ว่าแต่แม่ต้องเป็นพวกเรา เชอะ! หงุดหงิดเบอร์นี้ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้นค่ะ


เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ฉันนอนเพลินจนตะวันคล้อยต่ำ ความสว่างกลายเป็นความมืด แสงทองขอบฟ้ากลายเป็นสีขาวโพลนมาพร้อมความอึดอัดพาหายใจไม่ออก ไอร้อนพันธนการร่างไว้แน่น ฝ่ามือวางค้างตำแหน่งนี้นานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่แรงเต้นตึกตักส่งผ่านฝ่ามือจนต้องเกร็งนิ้วขยำเสื้อผ้านิ่มที่ประดับอยู่บนแผงอกแกร่ง ดิ้นตัวน้อยๆ สร้างพื้นที่ให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนบ้างแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นความอึดอัดยิ่งถาโถม แรงบดเบียดทำฉันหลับตาแน่น หวาดกลัวจนหายใจหอบ

'เฮือก!!!!!!!'

ตัวสะดุ้งสุดแรง ร่างดีดจากที่นอนขึ้นมานั่งหอบราวถูกขโมยลมหายใจไปจริงๆ นิ้วทั้งสิบขยำผ้าห่มจนเล็บจิกเข้าเนื้อ จากที่รู้สึกเหนื่อยอ่อน ฉันค่อยผ่อนจนลมหายใจปกติแล้วเปลี่ยนมารู้สึกเจ็บในอกแทน

'ฝันอีกแล้วหรอวะ' ชวนตัวเองคุยหวังเรียกสติกลับเข้าร่าง ดูเวลาตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ข้าวกลางวันยังไม่ได้กิน นี่เลยมาจนถึงข้าวเย็น นี่ฉันหลับไปกี่ชั่วโมงทำไมถึงหิวขนาดนี้

'ก็อกๆๆ' เสียงเคาะประตูดังสองสามทีก่อนจะผลักเข้ามา

"แม่"

"ตื่นแล้วหรอลูก หลับเพลินเลยนะเรา"

"กี่โมงแล้วเนี่ย หนูยังไม่ได้กวาดร้าน ถูร้านเลย"

"ไม่ต้องแล้วลูก แม่ทำให้แล้ว ถ้าอยากทำก็ไปล้างห้องน้ำนะ แป๊บเดียวก็เสร็จ"

"ค่ะ"

ให้ล้างห้องน้ำก็ยังดีกว่าถูร้านแหล่ะวะ มีแค่สองห้องเอาน้ำสาดๆ แป๊บเดียวก็เสร็จอย่างแม่ว่า ฉันพยักหน้ารับ ขยับไปกอดอ้อนแม่แล้วรีบลุกไปทำงานทันที

เดินดุ้มๆ มาถึงห้องน้ำชายหญิงที่แยกกันอย่างชัดเจน ถึงจะมีแค่สองห้องแต่รับประกันความเหม็นระดับพระกาฬเลย ฉันฮึบอ้าๆ หลับหูหลับตากลั้นหายใจอยู่นานกว่าจะวิ่งเข้าปรู๊ดเข้าห้องน้ำชายไปตักน้ำในถังสาดโครมๆ ไปทางโถ่ฉี่

"เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!!"




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น