Love Top Book

Destiny Love Road

 



[ทักทายก่อนอ่าน]

สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ มะลิขาวมารายงานตัวแล้วจ้า วันนี้ไม่ได้มาตัวเปล่านะ มะลิเตรียมเรื่องสุดสวิงริงโก้มาฝากด้วย เหตุแรกมาจากอยากฝึกปรือฝีมือเขียนบทรักๆ ใคร่ๆ ตั้งใจว่าจะใส่เลิฟซีนรัวๆ เคาะสนิทตัวเองสักหน่อย แต่พอเขียนไปเขียนมากลายเป็นนิยายยาวเฉย

-         ลิขิตรักสุดดวงใจ[Destiny Love Road]

-         เธอ คือดวงใจ[You’re My Destiny]

นิยาย 2เรื่องครบรส เรื่องราวความรัก ความตายและการต่อสู้ดิ้นรน ตีแผ่อีกด้านของสังคมปัจจุบัน มะลิอัพเดทนิยายออนไลน์ด้วยนะคะ คุณผู้อ่านสามารถติดตามได้ใน readAwrite และ Tunwalai หากถูกอกถูกใจคอมเมนต์บอกกันได้เลย  ขอบคุณที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันค่ะ

 

ขอบคุณทุกการติดตาม

[แนะนำตัวละคร]

วาเลนซ์ชายหนุ่มอายุ 35ปี ร่างสูงดูอ่อนกว่าวัยมากทั้งที่วันๆ ทำแต่งานไม่ได้ดูแลตัวเองสักเท่าไร ดีที่หุ่นสมาร์ทสมส่วน ใบหน้าขาวสะอาดคิ้วหนาตาตี่แบบลูกคุณหนูจึงทำให้สาวๆ กรี๊ดกร๊าดอยากมอบเรือนร่างให้ แต่ก็แค่นั้นแหล่ะเพราะเขาไม่สนใจใครง่ายๆ

 

มิ้นท์ ลลนาหญิงสาววัยสามสิบยังแจ๋ว ร่างเล็กอวบอัด อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกกลมกลึงได้รูปรับกับเรียวขายาวสวยดูดี เธอเป็นคนปากไว คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นเหมือนจะเอาตัวรอดได้ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ

การเห็นเหตุฆาตกรรมทุกอย่างทำชีวิตเธอเปลี่ยนไป ความวุ่นวายถาโถมใส่จนมิ้นท์นึกกลัว เธอไม่รู้ควรทำยังไงต่อ จะเป็นคนดีที่ตกอยู่ในอันตราย หรือจะเป็นคนร้ายที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดี

 

[INTRO]

แสงตะวันคล้อยต่ำลับขอบฟ้า เข็มนาฬิกาเดินอ้อยอิงสวนทางกับวิถีชีวิตมนุษย์เงินเดือน ดูเวลาตอนนี้ก็ใกล้เลิกงานแล้ว บางคนเตรียมตัวแต่งหน้าทาปากเพื่อออกแรดตามถนัด ในขณะที่มนุษย์ป้าอีกหลายคนก็เริ่มจับกลุ่มนินทาคนอื่น

ตั้งแต่จำความได้ชีวิตของมิ้นท์ไม่เคยหวือหวาเหมือนคนอื่นเลย คงเพราะฐานะปานกลางหน้าตาบ้านๆ และเป็นคนเรียบเฉยจึงไม่โดดเด่นในทุกสถานะ โชคดีที่เกิดมาหุ่นดีผิวดีทำให้อะไรๆ ที่จืดชืดพอน่าดูอยู่บ้าง แต่ก็แค่นั้นแหล่ะเพราะวันๆ มิ้นท์เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาหาความสุขให้ตัวเอง

"นี่มิ้นท์ พี่รบกวนเราเอาเอกสารไปให้ลูกค้าที่ออฟฟิศหน่อยซิ" เสียงพี่นวลฉวีหัวหน้าแผนกเอ่ยสั่ง พร้อมวางซองสีน้ำตาลปึกใหญ่ลงตรงหน้า มิ้นท์กรอกตางงเธอไม่ได้รับปากสักหน่อยว่าจะไป แต่ก็เหมือนงานเลือกเธอแล้วจึงพูดอะไรไม่ได้ เธอไม่ได้เรียบร้อยอย่างหน้าตาเลย ออกไปทางเช้าชามเย็นชามไม่อยากสุงสิงกับใครด้วยซ้ำ แต่ที่ทุกงานเลือกใช่เธอก็เพราะความไม่มีลูกไม่มีผัวกวนตัวนี่แหล่ะ เฮ้อ! เป็นเพียงรุ่นน้องจะให้เถียงสู้รุ่นพี่ได้ไง ก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเถอะ

"ออฟฟิศลูกค้าอยู่ไหนอะพี่ ถ้าแถวบ้านหนูก็ได้ค่ะแต่ถ้าไกลเดี๋ยวหนูเรียกแมสเซนเจอร์ไปส่งให้นะ"  มิ้นท์ตอบรับ พลิกดูซองเอกสารไม่เห็นที่อยู่จึงเอ่ยถาม

"ไม่ได้ซิ! ลูกค้าคนนี้ระดับวีวีไอพีนะ เอกสารสำคัญขนาดนี้เธอจะใช้ใครซี้ซั้วได้ไง" เสียงพี่ฉวีดุทั้งยังตีมือเพี๊ยะลงต้นแทน มิ้นท์รู้ดีว่าขัดใจไม่ได้จึงแอบถอนหายใจเหนื่อย ส่ายหน้าเบาๆ แบบไม่อยากจะทำสักเท่าไร

"ถ้าสำคัญทำไมพี่ไม่ไปเองล่ะคะ ถ้ามิ้นท์ไปทำอะไรซี้ซั้วเข้าจะเป็นยังไง" มิ้นท์ตีหน้าซื้อตาใสบ่นอุบอิบตามประสาเด็กสาว

"ก็ฉันไว้ใจเธอไง หรือว่าไว้ใจไม่ได้ห้ะ!" พี่ฉวีเริ่มเสียงอ่อนลงแต่ดวงตาลุกวาวคล้ายไม่พอใจนัก

 

"ได้ค่ะได้ จะให้มิ้นท์ไปทำอะไรที่ไหนบอกได้เลยค่ะ" เสียงเจื่อนตอบรับ ไหนๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วนี่อย่างน้อยออกไปข้างนอกก็ยังดีกว่านั่งบื้อฟังกลุ่มมนุษย์ป้านินทาคนอื่น

พี่ฉวีจัดการเขียนชื่อที่อยู่ลูกค้าให้ กระดาษโน้ตแผ่นเล็กถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้ามิ้นท์ หญิงสาวรีบเก็บของลงกระเป๋า ปิดโน้ตบุ๊กรวบงานที่ทำค้างอยู่กลับบ้าน แม้จะหงุดหงิดที่ต้องเอางานไปทำที่บ้าน ไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นอีกแล้ว

"ไปที่นี่หรอคะ" ที่อยู่ที่พี่ฉวีเขียนให้เป็นโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง มิ้นท์ทำหน้างงๆ เพราะไม่คิดว่าบริษัทรับจัดสวนเล็กๆ ต้องเอางานไปให้ลูกค้าดูถึงโรงแรมใหญ่

"ใช่ รีบไปให้ตรงเวลาล่ะ ท่านไม่ชอบรอใคร" พี่ฉวีสั่งต่อ

"ค่ะ" พอถูกสั่งซ้ำอีกรอบมิ้นท์ก็เบ้ปากไม่อยากสนใจ มือเก็บของสมองคิดแผนจะซิ่งวินมอเตอร์ไซค์ยังไงให้ถึงที่หมาย คอยดูเถอะฉันจะฝากประชาสัมพันธ์ให้จบๆ ไป แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลเพราะพี่ฉวีกำชับว่าให้ส่งถึงมือ มิ้นท์สงสัยจะอ้าปากถามแต่ถูกพี่ฉวียกมือห้ามไว้  "อย่ารู้มากเลย ทำแค่หน้าที่เธอเถอะ!"

 

[Chapter1]

ผมชื่อ 'วาเลนซ์' ครับ อย่าถามหาความหมายนะครับเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อก่อนผมก็ไม่ได้ชื่อนี้แต่พอครอบครัวร่ำรวยขึ้นหน่อย มีหน้ามีตาในสังคมจะมาใช้ชื่อเชยๆ อย่างเก่าก็ไม่ได้

พูดถึงอดีตแล้วผมเคว้งมาก ในหัวแทบไม่เหลือความทรงอะไรเลย ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นพ่อทำงานหนัก แทนที่แม่จะเป็นแม่บ้านอยู่ดูแลผมก็กลายเป็นคุณนายออกแต่งานสังคม ผมโตมากับพี่เลี้ยงแถมไม่ใช่คนไทยซะด้วย จึงไม่แปลกถ้านิสัยผมจะตรงไปตรงมา พูดขวานผ่าซาก ไม่ขี้เกรงใจเหมือนคนไทย

ความทรงจำแสนดีของผมมีเพียงเรื่องเดียวคือตอนที่ผมได้เรียนรู้ผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนผมจะย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างประเทศผมแอบไปทำงานพาร์ทไทม์ทุกวันหยุด ตอนแรกที่ทำก็แค่สนุกแต่พอได้เจอเธอผมกลับหลงรักช่วงเวลานั้น เธอเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำงานไม่ว่าจะงานหนักงานเบาเธอทำได้หมด ขอแค่เป็นงานสุจริตได้เงินเธอยินดีทำทุกอย่าง

นอกจากจะยิ้มเก่ง อัธยาศัยดีแล้ว เธอยังใจดีอีกด้วย ผมเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าแค่น้ำเปล่าขวดเล็กๆ ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้มากลับมีค่ากว่าหลายสิ่งในชีวิตผม

'กริ๊งงงง!!!' สายเรียกเข้ารอบที่ยี่สิบกว่าสงบลงพร้อมเสียงหัวเราะขำของบอดี้การ์ดร่างสูงโปร่ง

"ทำไมไม่รับล่ะครับ ผมเห็นคุณจ้องเจ้านี่ตั้งแต่โทรสายที่ห้าแล้ว" ชานนท์รู้ดีว่าเจ้านายผิดปกติอยู่มาก จึงแกล้งถามทั้งที่ก็พอรู้ว่าเพราะอะไร

"ก็ฉันไม่ว่าง" วาเลนซ์ตอบทั้งที่ในมือยังกำเจ้าสี่เหลี่ยมเครื่องหรูไว้ไม่ยอมปล่อย

"โอ้โห่! ไม่ว่างมากเลยนะครับ จับซะแน่นเลย" น้ำเสียงกวนประสาทของชานนท์พูดจี้ใจจนวาเลนซ์ต้องวางมือถือลงโต๊ะแล้วแสร้งปั้นหน้าขรึมปรายตามองไปทางประตู

"อย่าพูดมาก ไปเรียกมาได้แล้ว" ชานนท์เดินออกไปเพียงไม่นาน เขากลับมาพร้อมผู้หญิงเอเซียร่างอวบคนหนึ่งสวมใส่เพียงชุดคลุมบังกายเดินนวยนาดยิ้มหวานมาแต่ไกล

"ดูแลคุณท่านให้ดีนะ เสร็จแล้วเรียกผม" ชานนท์เอ่ยปากสั่งแล้วเดินออกไปทันที ตรงนี้เหลือเพียงวาเลนซ์ในชุดคลุมผ้ามันสีดำสนิทกับสาวร่างอวบที่กำลังเปลื้องผ้าช้าๆ

"ชื่อมิโกะนะคะ จะให้เรียกท่านว่าอะไรดี" ร่างเปลือยเปล่าสีขาวอมชมพูสวย ร่างอรชรงดงามเหมือนดอกไม้ กลีบปากสวยที่ดูยั่วเย้าและบางบางในคราวเดียวกัน เธอคุกเข่าตรงหน้าใช้เสียงหวานหูเอ่ยถามพร้อมยื่นแก้วบรั่นดีสีเข้มส่งให้ วาเลนซ์ไม่ตอบเพียงแค่ยกกระดกพรวดแล้วเบี่ยงสายตาลงต่ำแทนคำสั่ง

"มิโกะว่าเรามาดื่มกันหน่อยไหมคะ มิโกะอยากดูแลคุณท่านให้คุ้มค่าจ้างที่เมตตาเรียกใช้น่ะค่ะ" แก้วที่สองถูกยื่นให้ต่อเนื่อง เสียงหวานหยอกเย้าพร้อมฝ่ามือบางบีบนวดจากข้อเท้าไล่ขึ้นจนถึงหน้าตัก

"ไม่จำเป็นทำงานของเธอเถอะ" วาเลนซ์ตอบ ใบหน้านิ่งเฉยสวนดูเย็นชาเกินกว่าจะคล้อยตามเกมส์ ทั้งยังใช้เสียงดุเร่งให้มิโกะทำหน้าที่ของเธอซะ


ติดตามเรื่องเต็มได้ที่นี่

Destiny Love Road

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น