Love Top Book

You're My Destiny

 


[Extra Scene – สอง]

Song Story

เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมกับหญิงเป็นคู่ผัวตัวเมียอดีตแว๊ดบอยสก๊อยเกิร์ลจัดจ้านในย่านนี้ครับเราคบกันตั้งแต่อายุสิบสาม อ่านไม่ผิดครับ 13ขวบนั่นแหล่ะ คบกันได้ไม่เท่าไรหญิงก็ท้องลูกคนแรกตอนอายุ 15ปี ความที่เราสองคนยังเด็กมากทำให้ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก ก็เหมือนวัยรุ่นคนอื่นแหล่ะ มีแล้วเลี้ยงไม่ได้ก็ส่งไปอยู่กับปูย่าตายาย

ชีวิตเราเดินทางสายซิ่งมาตลอดจนกระทั่งคืนหนึ่งโดนตำรวจไล่จับ ผมหนีจนได้มาเจอเฮียภากรณ์ ตอนเจอกันเฮียกับผมอายุต่างกันสองสามปีเองทำให้เราคุยเล่นกันได้และก็เข้าใจกันมากด้วย เฮียเป็นเหมือนพ่อพระในหมู่คนบาปอย่างผม ให้ทั้งที่พัก ให้ทำงาน ให้เงินเดือน พอนานเข้าผมก็เลิกทุกอย่าง กลายเป็นวัยรุ่นสร้างตัวอย่างทุกวันนี้

ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วที่ผมอยู่ให้เฮียเลี้ยงดูมาตลอด ไม่ใช่แค่ผมด้วยยังลามไปถึงหญิงเมียผมและลูกสาวที่ฝากเลี้ยงไว้ต่างจังหวัดด้วย ผมซาบซึ้งบุญคุณตรงนี้มากกะว่าถ้ามีโอกาสจะทดแทนเฮียให้ได้แต่ไอ้ลูกกระจ๋อกอย่างผมจะมีอะไรไปตอบแทนคนอย่างเฮียล่ะ ผมคิดอย่างนั้นมาตลอดจนกระทั้งวันหนึ่งเรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้น

วันนั้นเฮียวาเอารถมาซ่อม เพื่อนเฮียคนนี้รวยมากครับ ใจดีมากด้วย ซึ่งความคิดนี้แหล่ะทำให้ผมทำบางอย่างพลาดไป

ไอ้ผมมันคนบ้านๆ ครับพอเห็นรถหรูราคาเป็นล้านก็ตาโต ผมลูบคล้ำจนอยากเอาออกไปลองเครื่องสักรอบกะว่าคืนนี้แหล่ะจะไปซิ่งอวดชาวบ้านในตลาดสักหน่อย

"โห่พี่สอง! เบาะนิ่มมาก สบายตูดฉิบหายเลย" หญิงกระเด้งๆ ตัวเทสเบาะหนังรถหรูอย่างเมามัน

"เออวะ! กว้างยังกับห้องนอน แหม่! คนรวยนี่ดีจังเนอะ"ผมปรับเบาะคนขับเอนตัวนอนเอี้ยวตัวคุยกับหญิงอย่างสบายอารมณ์

"ดียังไงพี่"

"ก็ดีตรงอย่างว่าไง หญิงคิดดูซิเบาะนุ่มๆ แอร์เย็นๆ เขาไว้ทำอะไรกัน"

ความคะนองแหล่ะครับผัวเมียกันด้วยทำให้ผมคุยเรื่องสัปดนกับหญิงได้อย่างไม่เขินอาย แถมพออารมณ์พาไปหนักเข้าก็จัดกันในรถซะเลย ไม่ต้องมีพิธีรีตองปุ๊บปั๊บเสร็จผมยังนอนคุยกันต่อจนหญิงเจออะไรบางอย่างเข้า

"เฮ้ยพี่! นี่อะไรวะ"

สิ่งที่เห็นเป็นเล็บปลอมสีแดงเด่นตกอยู่ ก็เหมือนจะไม่แปลกอะไรเพราะรถเฮียวาใช้รับส่งคนไปทั่วต้องมีผู้หญิงหลงขึ้นคันนี้บ้างแหล่ะ แต่ที่ทำให้ผมตกใจคือเสียงกรี๊ดของเมียผมเอง อยู่ๆ มันก็กรี๊ดน้ำหูน้ำตาไหลซุกหน้าลงข้างประตูยื่นเล็บปลอมมาให้ผม

มือสั่นงันงกทำผมตกใจมาก ร่างหญิงเต้นพั่บๆ อย่างเจ้าเข้า ถามอะไรไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ ยื่นเล็บปลอมอันนั้นค้างไว้กลางอากาศจนผมต้องรับไว้

'เฮ้ย!'

ทันทีที่ผมแตะมันก็ได้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เอ่อ... เรียกว่าผีจะเหมาะกว่าครับ! เธอนั่งเบาะหลังยื่นหน้าไปทางหญิงที ยื่นหน้ามาทางผมทีทำเหมือนยิ้มให้ แต่มันเป็นยิ้มที่กว้างไปถึงใบหู แถมเนื้อตัวก็เหวอะไปด้วยเลือดและแผล ผมกลัวมากทำอะไรไม่ถูกมือเท้าแข็งไปหมดแม้แต่จะทิ้งเล็บนั้นก็ทำไม่ได้ กลายเป็นว่าผมเก็บมันไว้พร้อมความลับบางอย่างที่พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ

หลังจากนั้นผมกับหญิงก็เห็นผู้หญิงคนนั้นตลอด ไม่ว่าเธอจะยืนเกาะรถ เกาะราวบันได หรือแม้แต่ตอนร่วมวงอาหาร เจอทุกวันจนกลายเป็นความเคยชิน จากกลัวก็เริ่มไม่กลัวเพราะตอนนี้เธอสวยแล้วไม่น่ากลัวอย่างตอนแรกแล้ว

ผมมาสังเกตดูดีๆ ผมรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ผมกับหญิงที่มองเห็นเธอ ที่แน่ๆ เฮียก็เห็นด้วยเพราะชอบหายเข้าห้องไปกันสองต่อสองทั้งวัน และอีกคนที่น่าจะเห็นก็คุณมิ้นท์แฟนเฮียวาแต่เธอเก็บอาการดีครับถ้าไม่สังเกตดูไม่ออกเลย แต่ที่น่าแปลกคือเจ้าของรถอย่างเฮียวาเหมือนมองไม่เห็นเธอเลย ถ้าเป็นยังงี้อะไรคือความเกี่ยวข้องนะ ...ผมสงสัยจัง

เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งเฮียกรณ์เรียกผมกับหญิงไปถามว่าเคยเห็นเล็บปลอมสีแดงไหม ตอนนั้นผมลังเลมากว่าควรตอบยังไงดี ถ้าบอกความจริงว่าเห็นก็กลัวถูกถามต่อว่ามาทำอะไรกันในรถ แต่ถ้าบอกว่าไม่เห็นก็จะเป็นการโกหกผู้มีพระคุณเสียเปล่าๆ

"ไหนเล่ามาซิ เคยเจอเล็บปลอมแบบที่คุณมิ้นท์เล่ามาไหม"

"เอ่อ... คือ... ก็เคยเห็นแหล่ะเฮีย"

"นั่นไง แล้วเอาไปไว้ไหนกัน"

"คือผมคิดว่ามันไม่มีอะไร ก็เลยทิ้งไปแล้ว"

ตอบเฮียไปแบบนั้นครับแต่ความจริงไม่ได้ทิ้งหรอก อย่าว่าผมโกหกเลยนะ!! ที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อเฮียครับ

ผมคิดว่าเล็บปลอมสีแดงนั้นคือสื่อที่ทำให้ทุกคนมาเจอกัน ผมกับเมียยอมหลอน ทนเห็นผีที่เอาแน่เอานอนแว๊บไปมาดีกว่าทนเห็นเฮียอยู่อย่างเหงาๆ สายตาที่เฮียกรณ์มองเธอส่องจากดาวพลูโตยังเห็นเลยครับว่ารักหลงขนาดไหน ผมกับเมียตกลงกันแล้วว่าจะยอมทนทุกอย่างขอแค่ให้เฮียมีความสุข

ตลอดเวลาผมเห็นความรักทั้งสองค่อยๆ ผลิบาน มันน่ารัก อบอุ่นและเศร้าในเวลาเดียวกัน ทำไมโหดร้ายกับหัวใจอย่างนี้นะ ทำไมฟ้าต้องส่งคนที่ใช่มาในเวลาที่อยู่กันคนละโลกด้วย

ผมกลายเป็นคนเข้าวัดทำบุญ เพื่อหวังว่าส่วนบุญนี้จะทำให้คนทั้งสองได้ครองรักกัน ชีวิตคนเราก็แค่นี้ครับจะยากดีมีจนไม่สำคัญ ถ้าอยู่โดดเดียวตัวคนเดียวก็ไม่มีความหมาย

ผมอยากให้มีใครสักคนอยู่กับเฮีย อยากให้เฮียได้ยิ้มกว้างๆ ระบายความรู้สึกนึกคิดออกมาให้คนที่เฮียไว้ใจฟังบ้าง ผมรู้นะครับว่าทุกวันของเฮียไม่ง่ายเลย เฮียทำเพื่อพวกเรามาตลอด ถ้ามีอะไรที่ผมทำให้เฮียได้

...ผมยินดีทำทุกอย่าง

 

'กริ๊งงง...'

"ไอ้สอง ลูกมึงรถชน มาดูใจมันหน่อยซิ" เสียงแม่สั่นเครือด้วยความตกใจ ผมก็แทบหัวใจหยุดเต้นปล่อยโฮตกใจไม่ต่างกัน เฮียกรณ์รีบเดินมาถามทันที ผมละล้ำละลักเล่าฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สุดท้ายเฮียแกก็ไล่ผมกลับบ้านพร้อมเงินสดก้อนหนึ่ง

ตอนนี้ลูกผมอายุ 17ปีกำลังแตกเนื้อสาวเต็มที ถามไถ่จึงรู้ว่ามันหนีออกไปเที่ยวงานวัดกับเพื่อน ตอนขากลับเจอรถเก๋งขับสวนทางมาชนเข้า ตอนเกิดอุบัติเหตุหน้าแนบถนนไถลไปไกลหลายเมตรจนเกิดแผลเหวอะเต็มหน้า ลูกผมหยุดหายใจไปสามนาที หมอทุกคนลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ขานเวลาตายชีพจรก็กลับมาเต้นอีกครั้ง

ความหนักอึ้งกำลังกดผมไว้ ผมไม่มีแรงเหลือทำอะไรต่อ หญิงเองก็เสียใจมาก เรามองตากันอย่างสงสัย

"พี่! ทำไมช่วงนี้เราเจอแต่เรื่องแปลกๆ เจอแต่เรื่องเป็นๆ ตายๆ หนูไม่สบายใจเลย" หญิงรำพันเหมือนหาที่ระบาย ในขณะที่ผมแสร้งทำเป็นไม่ฟังแต่คิดมากทุกประโยค

สภาพลูกผมตอนนี้มีผ้าพันแผลปิดเต็มหน้า นอนนิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่รู้สึกตัวหลายวันแล้ว หมอที่โรงพยาบาลบอกผมว่าไม่เคยเจออาการอย่างนี้มาก่อน หมอว่าจะส่งตัวลูกผมไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ

ความแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อรถฉุกเฉินขับจากบ้านเกิดโซนอีสานผ่านเข้าเขตกรุงเทพมหานครปุ๊บลูกผมก็ฟื้นปั๊บ ท่อหายใจที่ระโยงระยางเกะกะมันจัดการถอดเองราวไม่จำเป็นต้องใช้อีก ผมตกใจมากกับสิ่งที่เห็น ได้แต่กอดปลอบลูกเมียพูดให้ใจเย็นๆ รอฟังหมอวินิจฉัยก่อน

หมอขอดูอาการอยู่สองสามวันผลสรุปออกมาว่าร่างกายปกติดีเหลือเพียงรักษาบาดแผลบนใบหน้า ถ้าเป็นไปตามคาดการณ์อีกสักสองสัปดาห์ก็กลับบ้านได้

"ไงสอง ลูกเป็นยังไงบ้าง" หลังจากเกิดเรื่องเฮียผมก็เก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร ต่อให้ผมกวนประสาทแค่ไหนแกก็ไม่สนใจ เป็นอย่างนี้ร่วมเดือนจนมาวันนี้แหล่ะที่แกยอมคุยเล่นด้วย

"ก็ดีขึ้นนะเฮีย ไปเยี่ยมมันไหมล่ะ" ผมชวนเพราะอยากให้เฮียออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่แกก็ทำหน้าคิดหนักคงคิดหาทางปฏิเสธแหล่ะ แต่ผมปากไวกว่าชิงพูดซะก่อน

"เฮียไม่เคยเห็นมายด์มันเลยนี่ ไปให้กำลังใจมันหน่อยได้ไหมล่ะ"

"เดี๋ยว! เมื่อกี้บอกว่าลูกชื่ออะไรนะ"

"มายด์ครับ ชื่อมายด์อายุ17ปี"

ผมว่าเฮียต้องมีอดีตกับคนชื่อมายด์แน่ๆ พอบอกชื่อนี้เฮียแกยอมไปโรงพยาบาลด้วยแฮะ แล้วความแปลกก็เกิดขึ้นอีกครั้ง จากที่หมอบอกว่าแผลที่หน้าต้องรักษาอีกสองสัปดาห์ ไม่รู้ไปยังไงมายังไงกลับจะเปิดผ้าวันนี้

'!!!!!!!!!!!!!!'

ตึกๆ ตึกๆ #เสียงหัวใจภากรณ์

 

 


 

ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ พาร์ทต่อไปของเฮียกรณ์กันบ้างโปรดติดตามต่อ ==> ดวงใจมาเฟีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น