Love Top Book

Chapter10

 

Chapter10

 

'พี่ฉวี!!'

เสี่ยวัยทองร่างอวบอ้วนพุงพุ้ยสอดท่อนดำสนิทผ่านปากทางเกรอะกังด้วยสีหน้าสบายใจ แม้ไม่รุนแรงอย่างชายหนุ่มแต่นั้นก็พอทำให้ร่างเต่งตึงของนวลฉวีวูบไหวไปตามแรงส่ง

ภาพยั่วตาถูกกลุ่มชายสองสามคนรุมทึ้งฉับพลัน สองเต้าถูกฝ่ามือบีบคลึงหยาบๆ ด้านหน้าด้านหลังถูกเสียบด้วยท่อนแข็ง ภาพน่าสะพรึงค่อยเลือนหายไป ดวงตาสวยหรี่ลงพร้อมริมฝีปากเม้มสนิทด้วยความโกรธ

 

มิ้นท์ตัวสั่นเธอมองลีด้วยสายตาโกรธแค้น แทนทีลีจะรู้สึกตัวบ้าง กลับเพลิดเพลินป้อยอมายด์ไม่วางตา มิ้นท์มีสติพอจะนิ่งเฉย เธอสังเกตว่าลีไม่สนใจเลย แถมดูไม่ตั้งใจจะโชว์ภาพพี่นวลฉวีด้วยซ้ำงั้นก็แปลว่าเขาไม่รู้น่ะซิว่ารู้จักกัน

มิ้นท์จดจ้องที่นวลฉวี หวังให้เธอรู้สึกตัวสักที จนกระทั่งลีสังเกตเห็นจึงลอบยิ้มแล้วเอ่ยถาม "โชว์ของผม ตื่นเต้นดีไหมครับ" มายด์มองตาม พอเห็นก็จำได้จึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ออกไปเจอกันข้างนอก

 

มิ้นท์ มายด์ ขอตัวไปห้องน้ำ สองสาวชะเง้อคอรอหวังว่านวลฉวีจะออกมาพบ แต่รอพักหนึ่งก็ยังไม่มีวี่แววจนความอยากรู้อยากเห็นของมิ้นท์สั่งให้เธอเดินไปทางห้อง 'Staff'

ความกลัวไม่ช่วยห้ามปรามสองสาวเลย เธอพากันเดินเข้าประตูห้องสต๊าฟเล็กๆ ผ่านห้องแต่งตัวที่ยังมีสาวน้อยสาวใหญ่เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำแต่งตัวกันจอแจ มิ้นท์มองไปด้านในก็ไม่เห็นนวลฉวีจนกระทั่งแรงกระชากรั้งผ่านเธอหลบหายไปประตูอีกทางหนึ่ง

 

"ใครวะ ปล่อย!" มายด์ดิ้นสุดแรง ทั้งที่มือหนาปิดปากอยู่แต่ยังออกแรงเถียงได้

"ดูดีๆ ซิ๊ ผมเป็นใคร" เสียงแข็งกระซิบข้างหู วงแขนสวมกอดจากข้างหลัง ดึงร่างบางเด็กสาวมากอด ทั้งยังรั้งกรอบหน้าเบือนมามอง

"เฮียกรณ์!!"

 

สองหนุ่มสองสาวอยู่ด้วยกันครบคู่ วาเลนซ์ดึงแขนมิ้นท์ไว้ข้างตัว ส่วนภากรณ์สวมกอดมายด์แน่น สองสาวตกใจเลิ่กลั่ก กรอกตามองกันไปมาไม่มีใครปริปากพูด ดูจากสีหน้าสองหนุ่มที่จ้องอย่างคาดโทษก็พอรู้ว่าต้องโดนดุแน่จึงฉีกยิ้มแห้งๆ รับสภาพ

 

ไม่ทันได้โดนดุนวลฉวีในชุดคลุมก็เดินมาสมทบ เธอเดินพาทุกคนมาทางหนีไฟ กำชับให้มิ้นท์รีบกลับเพราะที่นี่มันอันตราย

"มาที่นี่ทำไม ไม่รู้หรอมันอันตรายนะ" นวลฉวีสวมบทหัวหน้าดุลูกน้องอย่างมิ้นท์ด้วยความเป็นห่วง

"มิ้นท์ก็จะมาสืบเรื่องไอ้คุณลีนี่แหล่ะ ไม่ได้อยากมาหรอกน่า" มิ้นท์งอแงกลับทันควัน เธอพูดเสียงอ่อน มองนวลฉวีสลับไปมองวาเลนซ์ราวอยากขอความเห็นใจ

"เก่งกล้านักนะ ไม่กลัวเลยใช่ไหม! เห็นหรือเปล่ามันทำอะไรพี่บ้าง" นวลฉวีดุซ้ำแถมเสียสั่นเครือจนมิ้นท์ต้องเอือมมือไปลูบแขนปลอบ

"เห็น! แล้วใครทำพี่ยังงี้เนี่ย" เสียงอ่อนพูดหวั่นๆ เธอไม่รู้ควรถามไหมแต่นวลฉวีพูดขึ้นมากก่อนก็เลยกล้าพูด

 

"ชีวิตพี่มันเฮงซวยแบบนี้ตั้งแต่คบกับไอ้ชานนท์แล้วล่ะ มาคบกับศรัณย์ก็ไม่ต่างกัน เป็นลูกน้องเขา เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ"

เสียงเครือสั่นเล่าส่งๆ แต่หัวใจคนฟังนี่ซิเจ็บร้าวจนชา อดีตคราวนั้นทุกคนยังจำได้ มันไม่ใช่ที่ดี ไม่ใช่เรื่องที่ลืมกันง่ายๆ ทุกคนยังรู้สึกผิดที่ไม่ใช่กฎหมายแก้ปัญหา แต่นั่นก็แค่ทริก ไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ สักหน่อย

 

"เรื่องบางอย่างไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อความอยากรู้ก็ได้ เธอมองด้วยตายังไม่รู้อีกหรอว่าอะไรเป็นอะไร"

นวลฉวีสีหน้าจริงจัง ดุเสียงสั่นตาเครือใส่มิ้นท์อีกครั้ง ความจริงใจของเธอทำให้ทุกคนหน้าสลดไม่ต่างกัน มิ้นท์โผล่เข้ากอด ถูไถใบหน้าอ้อนอย่างสำนึกผิด จ้องนวลฉวีตาปริบๆ จนเธอยอมพยักหน้ายิ้มให้

 

"ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ มิ้นท์ไม่ได้มามื้อเปล่าซะหน่อย เหล้าที่ไอ้คุณลีกินน่ะ มิ้นท์ใส่ยาให้มันเคลิ้มเรียบร้อยแล้ว ไม่หือไม่อือ ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ"

มิ้นท์พูดอย่างภาคภูมิใจ ทันทีที่พูดจบแรงหยิกเข้าเอวก็ทำเธอเจ็บร้าวแล้วดีดตัวห่าง

 

"ยังมั่นใจตัวเองอีกหรอ ที่เธอกินเข้าไปน่ะก็ไม่ต่างกันหรอก" นวลฉวีบ่น

"คะ"

"ถ้าเป็นเรื่องยา สำหรับที่นี่ถูกผสมตั้งแต่ในครับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่อากาศเนี่ยมีสารกล่อมประสาทผสมอยู่หมดแหล่ะ อยู่ที่ว่ากระตุ้นถูกจุดเมื่อไรถึงจะแสดงอาการ"

ใบหน้างงงวยของสองสาวดูลังเลจะเชื่อ ในขณะที่สองหนุ่มปักใจไปเรียบร้อยแล้ว นวลฉวีรีบพาทุกคนออกมาทางประตูหลังซึ่งนั่นก็ไม่ง่ายเลยเพราะต้องผ่านกล้องวงจรปิดและบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอีกหลายจุด

 

ขณะที่เดินออกมาสีหน้านวลฉวีแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่มีใครเฝ้าอยู่เลย แถมกล้องวงจรปิดยังถูกหันไปทางอื่นราวกับมีใครคอยช่วยควบคุมให้อย่างงั้นแหล่ะ ภากรณ์ลอบมองท่าทางนวลฉวีตลอด เขาดูออกว่าเธอคาใจเรื่องนี้ ทั้งสองต่างเห็นความผิดปกติ สบตากันเร่งให้ทุกคนรีบเดิน

"ก่อนผมจะไป ขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม" ภากรณ์ขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เขาหลบมุมเอ่ยถามเสียงเรียบ

"ว่ามา" นวลฉวีตอบอย่างไม่ลังเล เปิดโอกาสให้ถามในสิ่งที่สงสัย

"ตกลงคุณศรัณย์เป็นคนดีหรือไม่ดี"

"ยังไงดีล่ะ คนเทาๆ มั้ง หรืออาจจะสีกากีฉันก็ยังไม่แน่ใจ"

นวลฉวียิ้มเยาะ เธอรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ยังเลือกปิดปากเงียบไม่บอกออกไปตรงๆ แต่ภากรณ์ไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตมาตลอด พอได้คำตอบแบบนี้ก็ยิ่งแน่ใจว่าที่ผ่านมา

...เขาคิดถูก

 

"งั้นก็ถึงคราวที่ผมต้องตอบแทนบุญคุณแล้วซิ"

ทุกคนแยกย้ายกันทันที มิ้นท์นั่งเงียบในรถตัวเองเพราะตลอดทางวาเลนซ์ยังไม่ยอมคุยด้วยสักคำ ส่วนมายด์ก็คุยโม้ออกรสถึงวีรกรรมที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้สังเกตสีหน้าภากรณ์เลยว่าโกรธจัดแค่ไหน

 

"มานี่เลย! ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่ง"

แรงกระชากพร้อมผลักร่างนวลฉวีเซไปชนกำแพง เธอล้มจนเจ็บร้าวไปทั้งตัว ตวัดตาจ้องกลับเช่นกัน

"ใครจะอยากยุ่ง ฉันเรื่องมันไม่เกี่ยวกับฉัน"

นวลฉวีดิ้นตัวหนี ทั้งยังผลักอกศรัณย์ออกห่าง แววตาเธอเจ็บปวดจองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

"ผมขอโทษ ถ้าโกรธผมเรื่องนี้ ผมก็ถามความสมัครใจคุณแล้วไง"

ศรัณย์ผายมือไปที่ร่างกายเธอ เขาพยายามสื่อว่าถ้าเป็นเรื่องนี้เธอก็เต็มใจเอง

"งั้นซิ ฉันเต็มใจมาเซ็กหมู่บ้าๆ นี่เอง คุณไม่ได้ขอร้องแต่เป็นฉันเองที่อยากระเริงรักกับไอ้พวกเสี่ยบ้ากามนั่นน่ะ"

นวลฉวีต่อว่าเสียงสั่น เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่เพราะคนตรงหน้าคือศรัณย์

"โอเคผมขอโทษถ้าทำให้คุณเสียความรู้สึก แต่ผมขอร้องทำตัวดีๆ อยู่เฉยๆ อย่าทำให้งานสี่ห้าปีของผมเดือนร้อน แค่นี้คุณทำได้ไหม"

ศรัณย์เสียงอ่อนลงมาก เขาจับมือนวลฉวีเชิงขอร้อง แทนที่เธอจะตอบกลับเดินกระแทกไหล่หนีไปทางอื่น ศรัณย์ได้แต่ถอนหายใจ สถานะอย่างเขาไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ทั้งหมด แม้จะสงสารนวลฉวีแต่เขาก็ช่วยเธอไม่ได้

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น