Love Top Book

Chapter12 **Update

  


Chapter12

 

[เช้าวันใหม่]

 

'โห่! ฮิ โห่ ฮิ โห่ ฮิ โห่ ฮิ้วววววววว'

‘โม่งๆ โม่งเท่งโม่งงงง’

ขบวนกลองยาวพร้อมนางรำสาวน้อยสาวใหญ่ โห่ฮิ้วหน้าบ้านภากรณ์ร่วมชั่วโมงแล้ว คนงานในอู่ต่างมุงดูเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นจะมีแค่สองกับหญิงที่ได้รับข้อความจากลูกสาวตัวแสบแล้วว่า

‘พ่อแม่เตรียมตัวไว้นะ วันนี้เฮียจะไปสู่ขอหนู’

ถึงภากรณ์จะวางแผนกับวาเลนซ์ไว้เป็นอย่างดี แต่คนฉลาดอย่างมายด์ก็ฉลาดพอจะสังเกตเห็นว่าวันนี้มันต่างจากทุกวัน

 

จากครั้งแรกที่มีอะไรกัน ตื่นเช้ามาต่างคนก็ต่างกลับไปเป็นตัวเอง ความไม่ชัดเจนทำเธอกังวลใจอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงเราต่อให้เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ร่างกายนี้ก็ยังมีความรู้สึก ยิ่งเธอเป็นฝ่ายเข้าหาความกลัวยิ่งทวีคูณ

เด็กสาวอย่างมายด์เฝ้าถามตัวเองว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ชีวิตเล็กๆ ของเธอเป็นเรื่องเล่นตลกของคนบนฟ้าหรือไง ทำไมต้องผ่านความทุกข์ใจมากขนาดนี้

เมื่อก่อนเคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง ยอมให้ร่างกายนี้สกปรกเพื่อรักษาครอบครัวที่รักไว้ แต่เพราะเหตุการณ์วันนั้น ความตายตรงหน้าช่างทรมานและพรากความภูมิใจไปทั้งหมด

ความเครียดแค้น โหยหาความรักและความใคร่ จนถูกส่งกลับมาแก้ไขมันอีกครั้ง นี่ควรจะเป็นโอกาสได้แก้ตัว แต่ทำไมยิ่งทำตามหัวใจเขาก็ยิ่งดูอึดอัด

 

"เป็นไงมายด์ ตื่นเต้นไหม" ขณะนั่งแต่งตัวหน้ากระจก มิ้นท์เห็นแววตาหม่นเศร้าของมายด์แล้วก็อดถามไม่ได้

"พี่ว่า มายด์ทำให้เฮียอึดอัดหรือเปล่า คือถ้าเฮียยังไม่พร้อม มายด์รอได้นะ"

มายด์สังเกตมานานแล้ว ตั้งแต่เช้าทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ชุดสวยงามของใช้สารพัดถูกวางเรียงรายให้เธอเลือก อีกทั้งเซอร์วิสนวดหน้านวดตาที่ดูแปลกๆ คล้ายอยากเอาใจแต่ทำไมภากรณ์เอาแต่ทำหน้าเครียด

 

"น่าจะกลัวๆ นะ เห็นบ่นว่ากลัวพ่อแม่เราไม่ยอมยกให้นี่"

"พ่อแม่จะว่าอะไรได้ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าฉันไม่ใช่...."

น้ำเสียงพลั้งปากแผ่วเบาลงจนทำให้มิ้นท์ที่จัดเสื้อผ้าให้อยู่จดจ่อไปที่ใบหน้ามายด์ในกระจก ทุกคนรู้ดีว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก เหนือธรรมชาติสุดๆ ความตายที่ควรเป็นจุดจบทุกอย่าง กลับเป็นจุดเริ่มต้นของรักครั้งนี้

 

"มิโกะ" มิ้นท์ปากสั่นเทา น้ำเสียงเธอเรียกแผ่วเบาไม่ต่างกัน

"เธอก็ยอมรับใช่ไหมล่ะ ว่าฉันไม่ใช่" มายด์เถียง

"ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เธอใช่หรือไม่ใช่ ที่ทุกคนไม่พูด ไม่รื้อฝืนเรื่องนี้ เพราะปัญหามันอยู่ที่ว่าสองกับหญิงไม่ได้ผิดอะไรไง"

มิ้นท์ลากเก้าอี้ลงนั่งข้างมิ้นท์ เธอลูบหัวคลี่รอยยิ้มเอ็นดูปลอบ มายด์เม้มปากแน่นเธอเถียงไม่ออกเพราะนั่นก็คือเรื่องจริง

 

"ตอนนี้สองคนนั้นรักเธอไม่น้อยเลยนะ ปาฏิหาริย์แค่ส่งเธอกลับมาที่นี่ แต่ความจริงนั้นคือเธอก็ยังเป็นลูกสาวตัวน้อยๆ ของเขานะ”

“ก็ใช่”

 

“ต่อให้เธอจะเป็นใคร หน้าตายังไง สายสัมพันธ์พ่อแม่ลูกไม่เคยเปลี่ยน ฟังนะ! ผู้ชายที่เขาไม่จริงจังน่ะ เขาไม่สนใจหรอกว่าพ่อแม่เธอจะคิดยังไง แต่นี่คุณภากรณ์เขาจริงจัง เขาถึงกังวลและอยากทำให้เป็นเรื่องที่ดีกับทุกคน"

"ยุ่งยากจัง"

 

หัวใจเต้นแรงราวได้รับสิ่งเร้า ความตึกตักในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนกำลังสั่งสอนร่างกายมายด์ให้ตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยน้ำตา เธอพยักหน้าหงึกๆ พยายามยิ้มทั้งที่อยากยิ้มกว้าง เธออึกอักส่งเพียงแววตาอ่อนไหวทั้งที่อยากพูดอะไรมากมายแต่กลับพูดไม่ออก

"ความรักพวกนั้น มันเป็นของฉันจริงๆ ใช่ไหม"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

'โห่! ฮิ โห่ ฮิ โห่ ฮิ โห่ ฮิ้วววววววว'

‘โม่งๆ โม่งเท่งโม่งงงงงง'

 

ภายในห้องพัก สองเสริมหล่ออยู่หน้ากะจกอย่างตั้งใจ เขามองเงาสะท้อนเห็นหญิงยังนุ่งผ้าถุงสภาพเนื้อตัวเปียกชื้นเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็อดเร่งให้แต่งตัวไม่ได้ ท่าทีอิดออดของหญิงแสดงชัดว่าเธอไม่ชอบใจนัก

"แน่ใจแล้วหรอพี่ ถ้าเราตกลง พวกนั้นไม่ยิ่งว่าลูกเราหรอ" หญิงถามอย่างร้อนรน

"เธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรดี อย่าถามในสิ่งที่มันถูกกำหนดมาแล้วเลย"

"หญิงอยากให้พี่ตัดเรื่องอื่นทิ้งไปก่อน แล้วตอบมาว่าพี่โอเคใช่ไหม ที่จะยกไอ้มายด์ลูกเราให้แต่งงานกับเฮียน่ะ"

"นี่เธอลังเลอะไร"

"ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าเฮียรักใคร"

"หญิงเอ็งอย่าดูถูกน้ำใจเฮียนักเลย คนอย่างพวกเราไม่มีอะไรสักอย่าง เฮียยังเก็บมาเลี้ยงดูเหมือนคนในครอบครัว ลองคิดดูถ้าไม่มีเฮียพวกเราจะมีวันนี้ไหม ปานนี้ได้ตายข้างถนนกันไปแล้ว"

 

"ฉันรู้พี่แต่คนอื่นไม่รู้นะ เขาจะมองว่าเราเอาลูกเข้าแลกนะพี่"

"ไปสนอะไรคนพวกนั้นวะ แค่เฮียเขาดีกับพวกเรามันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ"

"แต่ฉันไม่สบายใจนี่พี่ ลับๆ ล่อๆ ไปได้เสียกันอย่างนี้ ไม่รู้อารมณ์ชั่ววูบหรือว่าจริงจังกันแน่"

"พูดเหมือนไม่รู้นิสัย ตั้งแต่อยู่กับเฮียมาแกไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย วันๆ ทำแต่งาน ทั้งที่สมบัติมากมายขนาดนั้น ไม่ทำก็มีกินเปล่าวะ ไม่คิดบ้างหรอว่าที่เฮียยอมเหนื่อย คลุกดินคลุกฝุ่นไม่โก้หรูเหมือนเพื่อนเพราะสงสารพวกเรา"

บทสนทนาเหยียดยาวจบลงที่ความไม่เข้าใจ แน่ล่ะ! หัวใจคนเป็นแม่จะปล่อยลูกไปง่ายๆ ได้ยังไง แถมเธอยังเป็นแค่เด็กบ้านๆ ไม่มีความรู้ทั้งยังอยู่ในโลกแคบ สองเทิดทูนเฮียมาก รักเขาเหมือนเป็นพ่อ เหตุผลนี่แหล่ะทำให้เขามั่นใจว่าภากรณ์เป็นคนยังไง

 

หญิงยอมลุกไปแต่งตัว ไหนๆ ก็ขัดใจพ่อลูกไม่ได้แล้วจะปล่อยตัวนี่ย่อมคิดมากเป็นธรรมดา กลัวสารพัดอย่างไม่อยากให้ใครมองลูกไม่ดี แล้วก็ไม่อยากให้ลูกเจ็บช้ำเพราะความใจเร็วด่วนได้ด้วย ความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง แต่เพราะรักครั้งนี้แปลกประหลาดเกินไป คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงอดห่วงไม่ได้

"พี่ดูจะรักเฮียมากนะ"

"แน่ซิวะ นอกจากครอบครัวก็เฮียนี่แหล่ะที่กูยอมตายแทนได้"

สองพูดส่งๆ มือยังหวีผมจัดทรงจนหล่อเหลากว่าปกติ คนในกระจกฉีกยิ้มกว้างมองเสื้อเชิ้ตสีพื้นที่รีดเนี๊ยบรับกับกางเกงผ้าขายาวดูแปลกตา สองมองเลยไปด้านหลังเห็นหญิงเองก็พิถีพิถันแต่งตัวด้วยชุดเรียบร้อยไม่ต่างกัน หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือลูก ต่อในกังวลใจมากแค่ไหนแต่ถ้าเป็นวันสำคัญของลูกทั้งสองก็ยินดีทำให้

 

"เฮ้ย! ขันหมากบ้านไหนวะ เสียงดังมาเป็นชั่วโมงแล้วไม่ไปไหนสักที"

เสียงด่ากราดอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เวลาตอนนี้จวนเที่ยงแล้ว เป็นเวลาทำงานปกติไม่ได้รบกวนอะไรเลย สองกับหญิงเดินลงมาพอดี หลายคนมองเป็นตาเดียวเพราะเสื้อผ้าหน้าผมเตรียมพร้อมกว่าใคร

 

"อ่อ กูรู้ล่ะ ขันหมากลูกมึงซินะไอ้สอง" ชัสใช้น้ำเสียงไม่สบอารมณ์นักตะคอกถามอย่างหมันไส้

"ไม่รู้เว้ย! อยากรู้มึงก็รอดูเอง" สองบอกปัดทั้งที่แต่งตัวมาพร้อม

"เออวะ! ทะเยอทะยานดี ขนาดจับลูกใส่พานให้เฮียเนี่ย กูยอมมึงก็ได้"

"ไอ้ชัส มึงพูดดีๆ นะ ไม่รู้อะไรอย่าเสือกพูดมั่ว"

"โถ่ไอ้สอง! มึงลืมอะไรไปหรือเปล่า กูอยู่มาก่อนมึง ทำไมกูจะไม่รู้จักเฮีย ที่กูไม่ได้ดิบได้ดีเหมือนมึงอะ เพราะกูไม่มีลูกสาวซินะ"

"เอ๊ะ! ไอ้เหี้ยนี่ ปากดีนักนะมึง"

สองโกรธจัด พุ่งตัวง้างหมัดจะซัดเข้าหน้ารุ่นพี่ปากดีสักหน่อย จังหวะนั้นขบวนกลองยาวเงียบลงเฉียบพลัน ทำให้เสียงเถียงกันดังลั่นพร้อมกับเสียงล้อรถเบียดถนน

 

 

‘โห่!!!!!! ฮิ้ว’

‘โห่ ฮิ้ว โห่ฮิๆๆๆ ฮิ้วววว’

จังหวะครึกครักร้องกันอย่างสนุกสนาน ทีมเจ้าบ่าวจอดรถหน้าประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมขบวน ส่วนทีมเจ้าสาวขับตรงมาจอดข้างในบ้านแล้วรีบลงมาจัดการกั้นประตูเงินประตูทองทันที

ทั้งที่เถียงกันอยู่ ปั้นปึงไม่พอใจมานานแต่พอสายทองถูกยัดใส่มือ บวกกับจังหวะเร้าสนุกสนานก็รู้งานรีบเข้าประจำที่ทันที มิ้นท์จัดแจงพาครองครัวเจ้าสาวไปรอในสุด แม้จะเป็นแคร่ไม้ไผ่เก่าๆ นั่งกันได้ไม่กี่คนแต่นั่นก็เพียงพอให้ได้พูดสู่ขออย่างเป็นทางการ

 

ความชื่นมื่นปกคลุมทุกพื้นที่ ซองสีชมพูหวานปึกหนาช่วยปิดปากคนช่างพูดได้ดี ทุกคนดูมีความสุขโดยเฉพาะภากรณ์ที่ยิ้มกว้างกว่าทุกวัน

สองเท้าเก้ามาหยุดตรงหน้าพ่อแม่เจ้าสาว วาเลนซ์เดินตามหลังเพื่อนมาติดๆ ในมือถือกระเป๋าแบรนด์หรูใบใหญ่ เขาจัดแจงว่างเงินสดสิบปึก เครื่องทองเต็มกล่องใหญ่และโฉนดที่ดินลงตรงหน้าพ่อแม่เจ้าสาว แวะสะกิดเพื่อนหน่อยๆ เร่งให้พูดได้แล้ว

 

"คือ... เฮียรู้ว่ามันอาจจะเร็วเกินไป แต่เฮียคิดมาดีแล้ว เฮียมีความสุขที่ได้อยู่กับมายด์ มันคงจะดีมากๆ ถ้าได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ด้วยกันทุกวัน อนุญาตให้เฮียกับมายด์แต่งงานกันนะ เฮียสัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของสองกับหญิงอย่างดี"

ภากรณ์พูดตามที่ใจคิด ซึ่งนั่นก็มากเกินพอแล้ว คนทื่อๆ อย่างเขาไม่เคยพูดจาหวานๆ หรือแสดงออกเรื่องรักใคร่ให้ใครเห็น พอวันนี้มาพูดแบบนี้ก็ทำให้ลูกน้องหลายคนงุนงงว่าทั้งคู่ไปรักกันตอนไหน

 

"แน่ใจแล้วหรอเฮีย ยกให้แล้วผมไม่รับคืนนะ"

สองพูดทีเล่นทีจริง เฮียมองทางมายด์ส่งยิ้มหวาน ก่อนจะลากสายตาผ่านมาเจอหน้าหญิงที่ยังบึ้งตึงแล้วตอบ

"เฮียแน่ใจว่านี่คือความรัก หญิงเข้าใจไหม ถ้ายังสงสัยอะไรถามเฮียได้เลยนะ"

ภากรณ์รู้อยู่ว่าคนเป็นแม่ย่อมไม่พอใจ ทั้งที่มีของล้ำค่าเงินทองมากมายตรงหน้า แต่หญิงก็เลือกจ้องเขาแล้วใช้สติทบทวนทุกอย่าง

"ตอนนี้ก็รักกันแหล่ะ แต่มายด์มันยังเด็ก ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่สำหรับเฮียแล้วล่ะ ยังจะรักมันอยู่ไหม" หญิงถามตรงๆ

"แน่นอน เพราะขนาดตอนนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เฮียยังรักมากขนาดนี้ แล้วมาตอนนี้ที่มันเป็นไปได้ เฮียจะไม่รักได้ไง"

 

เสียงหวานหูตอบพร้อมมองใบหน้ายิ้มกริ่มของมายด์ หลายคนเข้าใจความหมายที่ภากรณ์จะสื่อ ในที่สุดหญิงก็พยักหน้ายอมรับ หยดน้ำตาแห่งความปลื้มใจไหลอาบสองแก้ม เธอรั้งตัวลูกสาวมากอดแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน มายด์รับรู้ความรู้สึกนั้น เธอสวมกอดเม้มปากแน่นไม่รู้ควรพูดอะไร รู้แค่ว่าขอบคุณเหลือเกินที่ห่วงใยเธอ

 

 

 

 

 

เมื่อครอบครัวเจ้าสาวยอมยกลูกให้ แตรวงก็บรรเลงรับอย่างสนุกสนานจนเมื่อเสียงดัง ‘ปัง! ปัง! ปัง!’ ทำลายทุกอย่าง

ทุกคนหมอบลงต่ำ บางกรีดร้องวิ่งหนีวุ่นทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเสียงอะไร ความจอแจคือเกาะกำปังอย่างดี ความโกรธแค้นคืบคลานมาทีละน้อยๆ จนสายตาสองมองเป็นเห็นคนแปลกหน้าสวมไอ้โม่งคลุมมิดชิดก็รีบปรี่ไปคว้าร่างภากรณ์มากอดไว้

 

'ปัง! ปัง!'

เสียงสนั่นสองนัดดังระยะใกล้ คราวนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเป็นเสียงปืนจึงวิ่งกรู่กันไปด้านหลัง บ้างวิ่งเตลิดออกไปนอกบ้านก็มี ความจอแจหายไปเหลือแค่ตรงกลางที่มีสองใช้ร่างปังภากรณ์ไว้ และมายด์ที่ใช้ร่างตัวเองปังตัวคนเป็นแม่

"เฮีย เป็นอะไรไหมครับ"

สองหันไปถามเฮียอย่างร้อนรน คนที่ทั้งรักทั้งเทิดทูนตกอยู่ในอันตรายมีหรือสองจะไม่ยื่นมือช่วย แต่ภากรณ์ไม่ได้ตอบสีหน้าตกใจกลัวจ้องตาเขม็งไปอีกทาง สองมองตามแล้วก็ต้องตะลึงเพราะคนโดนยิงคือมายด์นั่นเอง

"มายด์!"

 

ร่างมายด์ถูกยิงร่วงไปนอนซบหญิง ในขณะที่วิญญาณมิโกะหลุดออกมายืนข้างๆ ทำหน้าตกใจกับภาพตรงหน้า

 

ความน่าสะพรึงนี้ไม่ใช่แค่ภากรณ์ที่เห็น แต่ทุกคนตรงนั้นเห็นชัดเจนกันหมด ร่างโปร่งแสงของมิโกะยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ควรทำยังไงเหมือนกัน ภากรณ์บอกให้มิโกะลองนอนลงเผื่อจะเข้าร่างได้ ทั้งยังปลอบไม่ให้ตกใจ ทั้งสองคุยเหมือนรู้จักกันดี ร่วมไปถึงสองกับหญิงที่พยายามปลุกมายด์ให้ได้สติเผื่อจะพอช่วยได้

"เดี๋ยวนี่ลูกมึงเป็นผีหรอไอ้สอง" เสียงไอ้ชัสคนเดิมตะโกนถาม

"ไม่ใช่โว้ย! ลูกกูเป็นคน แต่มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกูก็ไม่รู้"

"อย่ามาโกหก กูจำอีผีผู้หญิงนี่ได้ ที่เมื่อก่อนเฮียเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้านน่ะ"

"เอ่อ! ทีนี้มึงเข้าใจกูหรือยังล่ะ"

ความอยากรู้อยากเห็นไม่เลือกเวลาอยู่แล้ว ขนาดคนจะตายตรงหน้าก็ยังมีกระใจสู่รู้ แต่พอเข้าใจทุกอย่างชัสก็รีบวิ่งไปล็อคตัวมือปืนไว้ทันที

 

"อย่ามาจับกู! พวกมึงสมควรตายแล้ว"

เสียงแหกปากตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่ถูกล็อคสองแขนสองขา จับคุกเข่ากดหัวลงพื้น ดูเหมือนไอ้มือปืนนี่จะบ้าคลั่งขาดสติ มันยิงกราดอย่างโกรธแค้น ทั้งยังหยุดด่าท้อ ไม่มีทีท่าจะวิ่งหนีเลย

 

"ขอกูดูหน่อยวะว่ามึงเป็นใคร" วาเลนซ์วิ่งมาซัดหมัดใส่อย่างโมโห จัดการถกหมวกไอ้โม่งออกเผยให้เห็นว่าคนที่ยิงก็คือลีนั่นเอง

 

"มึงนี่เอง"

"เอ่อ! กูเอง ทีนี้รู้ยังล่ะว่าต่อให้กูยิงพวกมึงตายเหมือนหมา คนอย่างมึงก็ทำอะไรกูไม่ได้"

ลีดีกรีเป็นถึงลูกนักการเมืองใหญ่ เขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ในใจเขามีแต่ความแค้น เขาจ้องมายด์ที่นอนเลือดไหลอาบแล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนจะสลับไปมองมิ้นท์ที่กลัวตัวสั่นร้องไห้กดโทรเรียกรถพยาบาล

 

"แล้วถ้าเป็นกูล่ะ ทำอะไรมึงได้ไหม" เสียงตะเบ็งถามดังแทรกมาอีกรอบ คราวนี้เป็นหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าลีแล้วจิกหัวเขาให้เชิดขึ้น

"รีบพาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เดี่ยวทางนี้ผมเคลียให้เอง" ศรัณย์จัดการซัดหมัดที่สองใส่หน้าลี เขาหันไปพูดกับเสียงร้อนรน ภากรณ์ที่ห่วงมายด์มากจึงเพียงพยักหน้ารับ จังหวะนั้นรถพยาบาลก็มาพอดี

ศรัณย์คว้าข้อมือภากรณ์ไว้ ถึงจะรู้ว่าลีทำเกินไปแต่ทั้งหมดก็เพราะลีแค้นเขาแล้วเอามาลงกับคนอื่น

 

"จำได้ไหมว่าคุณติดผมเรื่องหนึ่ง"

"ต้องการอะไรก็ว่ามา"

"ถ้าครั้งนี้คุณพูดตามผมบอก ผมก็จะถือว่าเราหายกันแล้วผมจะไม่มายุ่งกับพวกคุณอีก ตกลงไหม"

ศรัณย์กวาดสายตามองไปทางรถฉุกเฉินที่กำลังเคลื่อนร่างมายด์ ตรงนั้นมีมิโกะยืนอยู่ด้วย เขาหยักคิ้วสูงรอคำตอบ ดูจากสีหน้าท่าทางเดาว่าศรัณย์ต้องมองเห็นวิญญาณมายด์แน่จึงหยิบเรื่องในอดีตมาพูด ถ้ามันจะทำให้เรื่องจบได้ภากรณ์ก็ต้องยอมรับ

 

"ตกลง แต่ถ้าคนของผมเป็นอะไรไป ผมเอามันตายแน่" ภากรณ์พูดเสียงเครียดแค้นไม่ต่างกัน

"ถ้าคุณทำได้ ก็ลองดูซิ"

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น