Love Top Book

Chapter8

 

Chapter 8

 

ความสุขเพียงชั่วคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนกลับมาสู่ความจริงที่ว่าภากรณ์คือเจ้านาย ส่วนมายด์ก็เป็นแค่ลูกช่างในอู่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือหลังจากวันนั้นรถผิดกฎหมายก็ถูกส่งมาเก็บกวาดเรื่อยๆ ไร้ซึ่งความเกรงใจ ทำอย่างกับว่าภากรณ์และวาเลนซ์เป็นพวกเดียวกันอย่างนั้นแหล่ะ

 

"กูว่าชักไปกันใหญ่แล้วนะ มันเห็นข่มเราได้ก็เอาใหญ่"

วาเลนซ์ระบายความฉุนเฉียวยืนกอดอกเต็มความสูงมองรถหรูอีกคันที่ถูกส่งมาซ่อมให้ปกติ ภากรณ์ปั้นหน้านิ่งทั้งที่ในใจร้อนรนไม่ต่างกัน

 

"กูว่าไอ้ศรัณย์ไม่ใช่คนโง่นะ"

"เพราะมันมั่นใจว่าถือไพ่เหนือกว่าเราไง"

"ไม่หรอก! กูรู้สึกว่ามันต้องการให้เราเห็นหลักฐานพวกนี้"

"หืม! ยังไง"

ภากรณ์เดินมองรอบรถอย่างตั้งใจ ทุกร่องรอยที่ไม่ควรให้คนอื่นเห็นเด่นชัดมาก เขาถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ตลอดจนเริ่มคิดว่านี่คือการส่งหลักฐานมาให้มากกว่า วาเลนซ์ยังไม่ปักใจเชื่อเพียงนิ่งดูเงียบๆ ไม่รบกวนเพื่อน

 

"ผู้หญิงคนนั้นเพื่อนคุณมิ้นท์หรอวะ เห็นมายด์เล่าให้ฟัง" ภากรณ์นึกอะไรได้ก็ถาม แปลกที่พอวาเลนซ์ได้ยินก็หน้านิ่วไม่อยากจะตอบ

"ใคร"

"ก็คนที่ตีกันวันนั้น"

"น้ำตาลอ่ะนะ"

"อ่อ ชื่อน้ำตาลหรอ"

"เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะซิไม่ว่า"

สีหน้าวาเลนซ์ดูไม่อยากพูดถึงสักเท่าไร ท่าทีไม่สบอารมณ์นี่ทำให้ภากรณ์ยิ่งอยากรู้ เพราะปกติแล้ววาเลนซ์เป็นคนประเภทใจดีกับเด็ก ผู้หญิงและคนชราเป็นพิเศษ

 

"เปิดขนาดนี้แล้ว เล่ามาเลยดีกว่าวะ" ภากรณ์แสร้งทำเสียงคะยั้นคะยอ ชายตามองเพื่อน อมยิ้มน้อยๆ หยอกล้อ

"เชื่อเถอะ มึงไม่อยากรู้หรอก"

"กูชักอยากรู้ล่ะ ว่ามา"

น้ำเสียงภากรณ์จริงจังขึ้นทันที แม้ไม่อยากพูดถึงแต่อาการคันปากของวาเลนซ์ก็เก็บซ่อนความลับไว้ไม่ได้ สุดท้ายภากรณ์ก็ได้รู้เรื่องความสัมพันธ์สุดยุ่งเหยิงของทุกคน มันจะไม่อะไรเลยนะถ้าตอนนี้มายด์เป็นของเขาแล้ว

‘หึ! แสบทั้งตอนเป็นคน ทั้งตอนเป็นผีเลยนะ’

 

จากตอนแรกภากรณ์ตั้งใจจะค้างที่อู่ใหม่ใจกลางเมือง พอฟังเพื่อนเล่าแบบนั้นก็เปลี่ยนใจลากสังขารฝ่ารถติดกลับบ้านชานเมือง ทั้งที่พรุ่งนี้มีนัดส่งรถให้ตัวปัญหาอย่างศรัณย์แต่เขาก็ไม่สนใจ คิดแค่ว่าต้องถามเรื่องนี้กับมายด์ให้ได้

รถคู่กายจอดเทียบที่ประจำ ยังไม่ทันมองหาก็ได้ยินเสียงมายด์ดังแหวกเสียงจอแจวงปาร์ตี้ส้มตำ ภากรณ์ลงจากรถมาจ้องจึงได้เห็นว่ามายด์ไม่ได้สนุกไปกับอาหารการกินตรงหน้า แต่เป็นปลายสายโทรศัพท์มากกว่าที่ทำให้เธอหัวเราะได้

"อ้าวเฮีย! ไหนว่าวันนี้ไม่กลับไง" สองตรงเข้ามาทักก่อนใคร

"แหม่ไอ้สอง! มึงก็รู้ว่าเฮียหลงเสน่ห์คนแถวนี้ จะถามทำไมวะ" ไอ้ชัยลูกน้องอีกคนไม่ลงรอยกับสองเท่าไรตอบแทน ทั้งยังยิ้มเย้ยลากสายตามองไปทางมายด์ด้วย

"กวนตีนล่ะมึง อย่าลามปาม" สองใจเย็นแค่กับลูกพี่คนเดียว พอถูกพูดใส่แบบนั้นก็แสดงอาการไม่พอใจออกมา

 

"โถ่ๆ ใครจะกล้ากวนตีนมึงว่า กูพูดความจริงทั้งนั้น"

สายตาเหยียดเย้ยที่ชัยมองไปทางมายด์ทำเอาคนเป็นพ่ออย่างสองทนไม่ได้ เขากระชากคอเสื้อชัยเต็มแรง ทั้งสองยื้อยุดกันจนภากรณ์ต้องตะเบ็งเสียงห้าม

"พอเลยพวกมึง! กูมาเหนื่อยๆ ต้องมาดูพวกมึงกัดกันอีกหรอวะ" ช่วงแขนผลักคนทั้งคู่ออกคนละทิศคนละทาง เดินหน้าบึ้งตึงขึ้นห้องทันที จังหวะนั้นเองมายด์ถึงได้เปลี่ยนความสนใจมาที่ภากรณ์ ทั้งสองสบตากันนิดหนึ่งแล้วก็ผละหนี

 

สองเดินบึงปังขึ้นห้องไปหาเมียรัก เก็บกดความโมโหไว้เพราะรู้ว่าสิ่งที่คนอื่นนินทากันก็เรื่องจริง ครอบครัวเรียบง่ายหาเช้ากินค่ำอย่างเขาไม่ควรมาเจอเรื่องยุ่งๆ นี่เลย จะโทษใครก็ไม่ได้เพราะต้นต่อของปัญหาก็มาจากตัวเขาทั้งนั้น

"เป็นอะไรไปพี่" หญิงเห็นผัวเดินหงุดหงิดเข้าห้องมาก็ถาม

"ก็ไอ้ชัสนะซิ พูดแขวะกูอยู่ได้ อยากถีบหน้าแม่งฉิบหาย ปากดีนัก" สองด่าออกรส

"ทำใจเถอะพี่ เมียมันก็แขวะหนูเหมือนกัน"

"มึงก็โดนหรอวะ เห็นที่ต้องเคลียกันให้รู้เรื่องแล้ว"

"มันไม่ฟังหรอกพี่ มันคิดว่าพวกเราอยากสบายเลยทำแบบนี้"

"ห่าเหอะ! ที่กูยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะกูรักเฮียมากต่างหาก อะไรที่ทำให้เฮียมีความสุขกูยอมทุกอย่าง"

"แม้แต่เอาลูกไปแลกน่ะหรอพี่ ไม่มากไปหน่อยหรอ"

"หญิงไม่เห็นด้วยกับพี่หรอ ก็รู้นี่ว่าอะไรเป็นอะไร"

"รู้จ๊ะ แต่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี"

"พี่มั่นใจในตัวเฮียนะ ลองดูๆ ไปก่อนเถอะ"

สองผัวเมียคุยกันโดยไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนแอบฟังอยู่ ถึงภากรณ์จะเดินหนีออกมาก่อนแต่เสียงคุยดังขนาดนั้นก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา พอจับใจความได้ว่าพูดถึงตัวเองก็ไม่สบายใจ ภากรณ์คิดจะมาคุยกับหญิงและสองให้รู้เรื่อง อยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษพูดขอคบมายด์ให้เป็นเรื่องเป็นเล่า แต่ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่ใช่เวลานี้

"พี่จะคิดยังไงฉันไม่รู้นะ แต่สำหรับฉันมายด์มันจะหน้าตายังไง ได้ตายแล้วเกิดใหม่เป็นคนอื่นหรือไม่ แต่มันก็คือลูกของฉัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรปกป้องลูกนะพี่ ไม่ใช่สนับสนุนให้มันทำแบบนี้"

หญิงพูดเสียงเครือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอระบายความอัดอั้นใจทั้งน้ำตา สองเงียบเหมือนกับภากรณ์ที่ใจหล่นวูบ ถึงภากรณ์จะเป็นผู้มีพระคุณ แต่หญิงก็เป็นทั้งเมียรักและแม่ที่รักลูกที่สุด หัวใจสองชาวาบเพราะเขาเองก็รู้สึกว่ามันไม่สมควรเลย

 

จากที่จะเคาะประตู ชายหนุ่มเลือกเดินกลับมาห้องตัวเองแต่โชคร้าย อารมณ์สับสนตอนนี้ไม่ควรต้องมาเจอมายด์ยื่นอยู่ตรงหน้า

"เฮียกรณ์ ไอ้พี่ลีมันอยากแข่งรถกับเฮียอีกน่ะ"

ทันทีที่เจอหน้าภากรณ์ มายด์ก็รีบพูดทันที ชายหนุ่มไม่ตอบมีแต่จะเดินหนีจนมายด์ผิดสังเกต

 

"อ้าวเฮีย! เป็นอะไรไปเนี่ย คุยด้วยก็ไม่คุยด้วย"

มายด์ต่อว่าเสียงเง้างอน ยื่นมือบอบบางไปคว้าข้อแขนแกร่งไว้ แทนที่ภากรณ์จะหยุดกับสะบัดทิ้งแล้วเดินหนีไป

 

 

เป็นครั้งแรกที่ภากรณ์ปฏิเสธ ไม่ว่าจะตอนเป็นมิ้นท์หรือมายด์ก็เป็นคนสำคัญของชายหนุ่มเสมอแล้วทำไมตอนนี้แม้แต่หน้าเขาก็ไม่อยากจะมอง คนอบอุ่นแสนใจดีกับทุกสิ่งกำลังหน้าบึ้งตึงราวโกรธเคืองเธอ

หัวใจมายด์ชาวาบไม่คิดว่าคนที่เป็นฝ่ายรับรอยยิ้มแสนอบอุ่นมาตลอดอย่างเธอ พอเจอสีหน้าบึ้งตึงแววตาโกรธเกรี้ยวจะเจ็บปวดอย่างนี้

 

"เอาวะถ้าเฮียไม่สน ไปเองก็ได้เชอะ!"

มายด์ก้าวฉับๆ ลงบันไดไปชั้นล่าง เหตุที่เธอยอมคุยกับพี่ลีก็เพราะวางแผนไว้แล้ว เมื่อปัญหาของเรื่องเกิดจากรถก็ต้องแก้ที่ตัวต้นเหตุนี่แหล่ะ แต่เด็กสาวอย่างมายด์จะไปทำอะไรได้ เธอคิดทบทวนจนนึกออกว่างานนี้ต้องมีผู้ช่วย

"ฮะโหล่! คุณมิ้นท์คะ หนูมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ"

มายด์ตัดสินใจโทรหามิ้นท์เพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันตั้งแต่ต้น มิ้นท์ที่ไม่สบายใจอยู่แล้วก็ช่วยกันวางแผนจนนัดเจอกับพี่ลีได้สำเร็จ

 

 

 

 

 

[Mint's Part]

 

ฉันรู้ว่าทุกคนล้วนมีอดีตที่ไม่อยากพูดถึงกันทั้งนั้น เรื่องบางเรื่องควรถูกทิ้งให้หายไปราวไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ควรพูดถึงและไม่ควรรื้อฟื้น แต่ถ้าอดีตนั้นยังเป็นปมฝังใจล่ะ คุณคิดจะกลับไปสู้หน้ามันไหม

 

"ก่อนจะทำตามแผน คุณมิ้นท์บอกหนูหน่อยได้ไหมคะ ว่าเรื่องมันเป็นยังไง"

มิโกะในคราบเด็กสาวใสซื่อจิ้มหลอดดูดช็อกโกแลตเย็นในแก้วจนชุ่มปอด ก่อนจะทำตาปริบๆ มองเค้กสีหวานที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟโดยไม่ได้สนใจว่าพูดอะไรออกมา

 

ฉันเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่ามิโกะหรือมายด์ไม่ได้จำเรื่องทั้งหมดได้ เคยถามเธอเหมือนกันว่าอาการมันเป็นอย่างไร แต่เด็กก็ตอบห้วนๆ แค่ว่ามันจะเป็นภาพเหตุการณ์ผ่านเข้ามาในหัวเอง

ที่เป็นอยู่นี่มันดีแล้วหรือเปล่า การที่มายด์จำได้แค่เรื่องของภากรณ์มันดีอยู่แล้วหรือเปล่า ฉันถามตัวเองในใจตอนเห็นแววตาเด็กนี่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

"เงียบทำไมคะ คิดจะปิดปังอะไรหนูหรือเปล่า อย่าลืมนะคะว่าเราอยู่ทีมเดียวกันแล้ว"

ฉันหลุดขำทันทีที่ยัยนี่พูดจบ ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคงเป็นความดื้อรั้นช่างสังเกตนี่แหล่ะ

 

"เปล่า ไม่มีอะไร"

"ไม่จริงอะ เล่ามาเถอะค่ะ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งนะคะ"

"จะพูดยังไงดีล่ะ คือฉันแค่คิดว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ดึงเธอมาเกี่ยวด้วยจะดีกว่า"

"ได้ไงล่ะคะ หนูควรรู้ทุกเรื่อง จะได้ช่วยกันคิด ไม่ถูกหรือไง"

เสียงอ้อนของมายด์ทำฉันยิ้มออกอีกครั้ง คือถ้าเอาจริงๆ มันก็เป็นข้อได้เปรียบของทีมเรานะ งั้นฉันจะยอมเล่าก็ได้

 

"งั้นก็ตั้งใจฟัง ก่อนที่จะมาเป็นมายด์อย่างตอนนี้เธอชื่อมิโกะ เป็นเด็กไซด์ไลน์ที่โชคร้ายถูกฆาตกรรมในรถของคุณวาเลนซ์ ส่วนฉันก็เป็นคนแรกที่ติดต่อกันได้ เธอติดตามฉันเข้าสิงฉันแล้วก็ทำอะไรหลายอย่างในร่างของฉัน หนึ่งในนั้นก็คือมีอะไรกับเพื่อนสนิทตัวเองที่ชื่อน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันก็คือแฟนไอ้คุณลีอะไรนี่แหล่ะ"

"โห้!"

"น้ำตาลเป็นคนขี้เบื่อ ทะเยอทะยาน เปลี่ยนแฟนบ่อย ฉันคิดว่าน้ำตาลไม่เคยเห็นหน้าแท้จริงของเธอนะ เพราะตอนมีอะไรกันมันเป็นร่างของฉันเอง แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะอย่างที่บอก ถ้าเคยเห็นก็ไม่แปลกแทนที่จะกลัวน้ำตาลอาจจะตื่นเต้นที่ได้มีอะไรกับผีก็ได้"

"โคตรเด็ดอะ ไม่อยากเชื่อมีคนแบบนี้ด้วยหรอ ไม่ทั้งผู้หญิง ได้ทั้งผู้ชาย แม้แต่ผีก็ไม่เว้นแฮะ"

"คนแบบนี้แหล่ะน่ากลัว จะทำอะไรก็ต้องระวังตัวนะ รู้ป่าว"

หลังจากเมาท์มอยกันจบแผนปฏิบัติการชิงตัวลูกชายนักการเมืองใหญ่ก็เกิดขึ้น

 

ค่ำคืนวันศุกร์ของเล่านักท่องราตรีมาถึง มายด์ขออนุญาตพ่อแม่มานอนโดยอ้างว่าจะช่วยกันทำความสะอาดด้องช่วงวันหยุด ถามว่าทุกคนเชื่อไหม เหอะ! ก็ไม่เลย

 

"แน่ใจนะมายด์ว่าคืนนี้คุณลีจะมา" ฉันถามย้ำอีกครั้งขณะที่เราแต่งองค์ทรงเครื่องจวนเสร็จแล้ว

"ชัวร์ค่ะ ขี้โม้อย่างไอ้พี่ลีนั้น ไปไหนมาไหนก็อวดตลอด"

 

มายด์ในชุดเดรสสีขาวลายดอกเดซี่สมวัย กระโปรงทรงเอเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขายาวอย่างกับนางแบบ ช่วงเอวรัดคอดเผยให้เห็นสะโพกกลมกลึงยั่วตา ช่วงบนเป็นแขนตุ๊กตาเกาะไหล่ทั้งสองเผยไหล่แผงอกเนินสวย

"หนูสวยจนคุณตะลึงเลยหรอคะ" มายด์พูดแซวเพราะเห็นฉันจ้องแล้วก็เงียบไปนาน

"แค่กำลังคิดว่า ถ้าคุณกรณ์เห็นฉันให้เธอใส่ชุดนี้ ฉันจะโดนอะไรบ้างน่ะ"

ฉันตอบตามที่คิด คนเงียบๆ อย่างภากรณ์ดูก็รู้ว่าหัวโบราณประมาณหนึ่ง แถมตอนโมโหจริงจังจนน่ากลัว ฉันล่ะไม่อยากคิดเลยถ้าแผนแตกขึ้นมา สองหนุ่มจะว่ายังไงบ้าง

 

"เฮียเขาไม่สนใจหนูหรอก ช่วงนี้หน้ายังไม่มองเลย"

"อ้าว! ทะเลาะอะไรกันล่ะ"

"ไม่ได้ทะเลาะค่ะ คงนิสัยผู้ชานั่นแหล่ะ ได้แล้วก็อยากทิ้ง"

"บ้าน่า!! คุณกรณ์ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก เธอคิดมากไปหรือเปล่า"

"ไม่มากหรอกค่ะ ที่ผ่านมาคิดน้อยไปล่ะซิไม่ว่า"

ถ้าไม่พูดเรื่องภากรณ์ ฉันคงไม่รู้เลยว่ามายด์กำลังทุกข์ใจอยู่ ยัยนี่เก็บความรู้สึกเก่งไม่เปลี่ยน ต่อหน้าก็ดูปกติดีแต่ลับหลังคงมีเรื่องให้คิดไม่ต่างกัน

 

ฉันย้ายตัวเองไปยืนซ้อนหลัง มายด์ที่นั่งแต่งหน้าอยู่โต๊ะเครื่องแป้งก็ทำสายตาสงสัย หยิบเครื่องม้วนผมมาจัดแต่งทรงผมให้เธอ ค่อยๆ ทำอย่างตั้งใจเหมือนครั้งหนึ่งที่เราเคยเล่นกัน

"ฉันคิดมาตลอดว่าอยากมีน้องสาว ในเมื่อเป็นเพื่อนไม่ได้ กลับมาเป็นน้องสาวพี่นะ"

เราสบตากันผ่านกระจกเงาตรงหน้า มายด์เม้มริมฝีปากสั่นเทาร้องไม่อยากปล่อยให้น้ำใสเปรอะเปื้อนเครื่องสำอางบนหน้า ฉันนิ่งงันจนมายด์พยักหน้ารับนั่นแหล่ะถึงยิ้มออก

"ค่ะคุณมิ้นท์"

"ไม่ต้องเรียกคุณแล้ว เรียกพี่มิ้นท์ซิ"

"ค่ะ พี่มิ้นท์"

"พี่ว่าคืนนี้เราสวยพร้อมแล้ว ป่ะ! ไปล่อผู้ชายกันเถอะ"

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น